ในช่วงเวลานี้เกิดกระแสการปรับปรุงคณะโบราณคดี ที่เป็นจุดเปลี่ยนให้เกิดการปรับปรุงหลักสูตรให้กว้างขวางและหลากหลายขึ้น สืบเนื่องจากฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยเห็นว่าหลักสูตรวิชาพื้นฐานของคณะโบราณคดี คล้ายกับคณะอักษรศาสตร์ที่จะเปิดขึ้นใหม่ จึงมีแนวคิดที่จะให้ยุบคณะโบราณคดีลงไปเป็นสาขาวิชาหนึ่งของอักษรศาสตร์ แม้ต่อมาจะไม่ได้มีการยุบรวมกับคณะอักษรฯ แต่ภายหลังยังมีโครงการที่จะตั้งคณะศิลปศาสตร์ ขึ้นใหม่ที่วังท่าพระ แล้วยกคณะโบราณคดีขึ้นเป็นสถาบัน สอนเฉพาะปริญญาโท แต่โครงการต่างๆ ก็ได้ถูกระงับไว้ ปรับเปลี่ยนเป็นให้คณะโบราณคดีรับหน้าที่สอนวิชาพื้นฐานให้กับคณะต่างๆ ของวิทยาเขตวังท่าพระ จึงเป็นโอกาสให้คณะโบราณคดีปรับปรุงการเรียนการสอน เปิดปริญญาโทของสาขาโบราณคดี และได้งบประมาณสำหรับการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่เพื่อรองรับการเรียนการสอนหลักสูตรพื้นฐานทางศิลปศาสตร์ รวมทั้งแนวคิดที่จะยกเลิกหลักสูตรปริญญาตรีของคณะโบราณคดีดังกล่าว ได้นำไปสู่การปรับเปลี่ยนหลักสูตรในปี 2513 จากศิลปบัณฑิตเป็นศิลปศาสตรบัณฑิต และต่อมาในปี 2517 ได้แยกออกเป็น 7 สาขาวิชาเอก เพื่อรองรับและตอบสนองนักศึกษาที่เข้าเรียนและจบใหม่ได้มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น รวมทั้งบรรดาอาจารย์ที่ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศเริ่มกลับมาสอนในคณะและก่อร่างวางหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละภาควิชา คณะโบราณคดีปรับปรุงหลักสูตรใหม่ โดยใช้ระบบหน่วยกิต และแบ่งภาควิชาออกเป็น 5 ภาควิชา คือ รวมภาควิชาโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยประวัติศาสตร์เป็นภาควิชาโบราณคดี ตั้งภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ และภาควิชามานุษยวิทยาขึ้นใหม่ ส่วนภาควิชาภาษาตะวันออก และภาควิชาภาษาตะวันตกยังคงเดิม ซึ่งนักศึกษาสามารถเลือกเรียนวิชาเอกได้ 7 สาขา ได้แก่ 1. สาขาวิชาโบราณคดี 2. สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ 3. สาขาวิชามานุษยวิทยา 4. สาขาวิชาภาษาอังกฤษ 5. สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส 6. สาขาวิชาภาษาไทย 7. สาขาวิชาการอ่านจารึก
Category: Timeline
B.E.2531
ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล อดีตคณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ยังเสด็จไปอธิบายให้ประชาคมเมืองชิคาโกเข้าใจ สุดท้าย ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ จึงได้กลับคืนสู่เมืองไทย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2531
B.E.2514
ชุมนุมศึกษาวัฒนธรรม – โบราณคดี สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ที่มีนักศึกษาคณะโบราณคดีเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นสมาชิกหลัก ได้ออกวารสาร “นภศูล” เป็นเอกสารวิชาการ เพื่อการเผยแพร่ผลงานด้านศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีของสมาชิกชุมนุมฯ
B.E.2510 (2)
การแสดงผลงานนักศึกษาในงานนิทรรศการทางโบราณคดีครั้งแรก
ที่มา : นิทรรศการโบราณคดี. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร. คณะโบราณคดี, 2510.
ชุมนุมศึกษาวัฒนธรรม-โบราณคดี จัดนิทรรศการ “โบราณคดี” ขึ้นเป็นครั้งแรก มีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานของนักศึกษาสาขาต่างๆ และการอภิปรายในหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติไทย ณ บริเวณสวนแก้ว และท้องพระโรงวังท่าพระ ระหว่างวันที่ 29 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 และจัดต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี
B.E.2510

การออกสำรวจและภาคสนามของนักศึกษาโบราณคดีสมัยก่อน มีอาจารย์ปรีชา กาญจนาคม และมหาจิระเดช ไวยโกสิทธิ์ ยืนด้านหน้า
ที่มา : พีรพน พิสณุพงศ์
คณะโบราณคดีตั้งงบประมาณขอซื้อรถแลนด์โรเวอร์ แบบตรวจการ 1 คัน เพื่อใช้ออกสำรวจ และได้รับงบประมาณให้ซื้อรถดังกล่าวออกสำรวจแหล่งโบราณคดี เป็นรถยนตร์คันแรกของคณะและรถคันแรกของมหาวิทยาลัยศิลปากร
“รถคณะโบราณคดีคันแรกตอนนั้นเป็น Jeep Land Rover หรูหรามาก เป็นคันแรกและคันเดียวของมหาวิทยาลัย…. พอได้มาก็ใช้เกินคุ้มเลย มีเรื่องมีราวตรงไหน อย่างไร ก็ไปกัน รถจี้ปคันนึงนั่งได้ก็ประมาณสัก 12 คน แต่เราอัดกันเข้าไปตั้ง 20 คน ไม่รู้นั่งซ้อนๆ กันไปได้อย่างไร…” อาจารย์ปรีชา กาญจนาคม เล่าถึงรถยนต์คันแรกของคณะโบราณคดี ในหนังสือ 60 ปี มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. 2486-2546
B.E.2509

ท่านอาจารย์ และ ฌอง บวสเซอลิเยร์ พร้อมทั้งนักศึกษาคณะโบราณคดีคราวขุดค้นที่เมืองโบราณอู่ทอง อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี พ.ศ. 2509
ที่มา : โบราณวิทยาเรื่องเมืองอู่ทอง. พระนคร : กรมศิลปากร, 2509. ใน พ.ศ. 2509 ท่านอาจารย์และ ฌอง บวสเซอลิเยร์ พร้อมทั้งนักศึกษาคณะโบราณคดีขุดค้นที่เมืองโบราณอู่ทอง อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี ครั้งนั้นจึงเกิดข้อสมมติฐานใหม่ทางโบราณคดีว่า จำนวนผู้คนที่อาศัยในเมืองอู่ทองเริ่มเบาบางตั้งแต่ พุทธศตวรรษที่ 15-16 ส่งผลให้แนวคิดเรื่องสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 พระเจ้าอู่ทองไม่ได้เสด็จมาจากเมืองอู่ทอง
B.E.2508

ตราคณะกรรมการนักศึกษาคณะโบราณฯ
ที่มา : บทจร. ฉบับที่ 1 (เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์, 2537)
เกิดคณะกรรมการนักศึกษาคณะโบราณคดีอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2508 มีนายดำรงสิทธิ ณ บางช้าง ดำรงตำแหน่งหัวหน้า โดยจัดดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมนักศึกษาของคณะโบราณคดี เช่น การจัดทัศนศึกษา งานทำบุญเลี้ยงพระ งานรื่นเริงอื่น ๆ เป็นต้น
SU Archaeology Song
เพลงคณะโบราณคดี
ตั้งแต่ราว พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา น่าจะเริ่มมีการแต่งเพลงคณะโบราณคดีมาเป็นระยะๆ ผู้ซึ่งมีบทบาทในการแต่งเพลงช่วงระยะแรก คือ คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ (เข้าเรียนคณะโบราณคดี พ.ศ. 2507-2513) เพลงที่แต่งไว้ในช่วงที่เป็นนักศึกษา ได้แก่ เพลงไม่มีน้ำตา (ภายหลังรู้จักกันในชื่อ โบราณคดีไม่มีน้ำตา), เพลงรีบไปทำงาน (ภายหลังรู้จักกันในชื่อ เพลงโบราณคดี 2), เพลงอยุธยา, เพลงลพบุรี และ เพลงสุโขทัย